
เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า “อัลมอนด์” มีถิ่นกำเนิดในตะวันออกกลาง อินเดีย และแอฟริกาเหนือ เป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับแอพพริคอท เชอร์รี่ ลูกพลัม ลูกพีช และลูกพรุน “อัลมอนด์” เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มาก ไม่เพียงแต่มีรสชาติอร่อย แต่ยังมีสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น โปรตีน ไขมันดี แคลเซียม และวิตามิน E อัลมอนด์สามารถทำเป็นอาหารหลากหลายวิธีได้ เช่น เครื่องดื่ม ขนมปัง ของหวาน หรือจะทานเป็นของว่างก็ได้
ส่วนใหญ่แอดชอบทานเป็นของว่างซะส่วนใหญ่ เวลาทำงานไปทานไปคือเพลินมาก 😋
เรามาเข้าเนื้อหากันดีกว่า “อัลมอนด์” เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีสารอาหารและประโยชน์มากมาย ดังนี้
- ช่วยชลอประสาทตา ไม่ให้เสื่อมไว เพราะมีโอเมก้า 3 สังกะสีและวิตามินอี พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยสลายไขมัน เพียงอย่าทานมากจนเกินไป เพราะจะได้รับพลังงานที่เกินความต้องการ จากช่วยสลายไขมันก็กลายเป็นเพิ่มไขมันขึ้นมาได้ อัลมอนด์มี โปรตีน วิตามิน และไฟเบอร์ ที่เป็นตัวช่วยทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด พบว่าหากทานอัลมอลด์ในปริมาณ 1 กำมือต่อวันจะช่วยให้ไขมันในเส้นเลือดนั้นลดลงได้ถึง 4.4% หากเพิ่มปริมาณการทานอีก 1 เท่าตัวคือ 2 กำมือก็จะทำให้ไขมันลดลงได้เกือบ 10% เลยทีเดียว
- ช่วยลดการอ่อนเพลีย เป็นเพราะว่าอัลมอนด์มีปริมาณแมงกานีส ไรโบฟลาวิน และสังกะสี ในปริมาณที่สูง แร่ธาตุเหล่านี้จะให้พลังงานช่วยฟื้นฟูให้กับร่างกายของผู้ที่อ่อนแอไม่มีแรง ให้กลับขึ้นมาแข็งแรงคลายจากการอ่อนเพลียได้ไวขึ้น
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ในการศึกษาที่ประเทศจีนพบว่า หากทานอัลมอนด์ในปริมาณที่เหมาะสม อัลมอนด์จะช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดได้ด้วยการช่วยควบคุมการปลดปล่อยน้ำตาลจากตับ และเพิ่มความไวต่ออินซูลินของเซลล์ ทำให้น้ำตาลในเลือดไม่สูงหรือต่ำเกินไป
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เพราะมีวิตามิน E และสารฟีนอลิกที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และการเสื่อมของเซลล์
- ช่วยระบบขับถ่ายดีขึ้น เพราะมีไฟเบอร์ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และป้องกันการท้องผูก แถมยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
“อัลมอนด์” เป็นพืชที่มีประโยชน์หลายด้าน แต่ก็ควรทานให้เหมาะสม เพื่อป้องกันการได้รับพลังงานหรือไขมันที่เกินความต้องการของร่างกาย
เอ๊ะ !? ถึงตรงนี้เพื่อนๆ คงมีคำถามแล้วซิ ถ้าทานอัลมอนด์มากเกินไปมันจะเป็นอย่างไรล่ะ?

คำตอบคือ หากเราทานอัลมอนด์มากเกินไปอาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ เพราะอัลมอนด์มีแคลอรี่และไขมันสูง ถึงแม้จะเป็นไขมันดี แต่ก็ควรรับประทานอย่างพอเหมาะ โดยข้อควรระวังในการทานอัลมอนด์ ได้แก่
- ควรรับประทานอัลมอนด์ แค่พอเหมาะ คือ ประมาณวันละ 1 กำมือ หรือ ไม่เกิน 24 เมล็ด เพราะอัลมอนด์มีแคลอรี่และไขมันอิ่มตัวสูง หากทานมากเกินไป อาจเสี่ยงเกิดคอเลสเตอรอลสูงซึ่งอันตรายต่อสุขภาพ
- ผู้ที่มีอาการแพ้ถั่วควรหลีกเลี่ยง
- ผู้ที่เป็นโรคไต หรือโรคนิ่วในไต ควรเลี่ยงการรับประทานอัลมอนด์
- หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสีย ท้องเฟ้อ หรือท้องผูกได้
- สตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงอัลมอนด์ที่มีรสขม เพราะอาจเป็นพิษต่อทารกได้
การบริโภคอัลมอนด์จึงควรใช้วิจารณญาณ และไม่ควรทานมากเกินไป เพื่อให้ได้ประโยชน์จากสารอาหาร และไม่ให้เกิดผลข้างเคียง
สรุป บทความของ “อัลมอนด์” ดังนี้
ใน “อัลมอนด์” มีสารอาหารหลายชนิด เช่น ไฟเบอร์ โปรตีน วิตามินบี โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และวิตามิน E การบริโภคอัลมอนด์จึงสามารถช่วย
- ป้องกันโรคหัวใจและภาวะหัวใจวาย
- กระตุ้นการทำงานของสมอง
- บำรุงผิวและลดริ้วรอย
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- เพิ่มพลังงาน
- เสริมสร้างกระดูกและฟัน
- ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน
- ลดความอ้วน
- ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
การบริโภค “อัลมอนด์” ควรใช้วิจารณญาณและไม่ควรทานให้เกินไป เพื่อให้ได้ประโยชน์จากสารอาหาร และไม่ให้เกิดผลข้างเคียง โดยข้อควรระวังในการทานอัลมอนด์ ได้แก่
- ควรรับประทานแค่พอเหมาะ คือ ประมาณวันละ 1 กำมือ หรือ ไม่เกิน 24 เมล็ด
- ผู้ที่แพ้ถั่วควรหลีกเลี่ยง
- ผู้ที่เป็นโรคไต หรือโรคนิ่วในไตควรเลี่ยง
- ผู้ที่ท้องผูก หรือท้องเสีย ไม่ควรทาน
- สตรีมีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยง อัลมอนด์ที่มีรสขม เพราะอาจเป็นพิษต่อทารกได้