
“การออมเงิน” คือการเก็บเงินเพื่อสำหรับเอาไว้ใช้ในอนาคตหรือกรณีฉุกเฉินต่างๆ สำหรับในวัยทำงาน การออมเงินนั้นมีความสำคัญอย่างมาก (มากถึงมากที่สุด ) เพราะช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่คุณมีรายได้ และคุณสามารถเก็บเงินได้มากกว่าช่วงวัยอื่นๆ ซึ่งในอนาคตคุณอาจจะมีค่าใช้จ่ายหลายอย่างถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วง อาจจะเกิดจากภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้ต้องใช้ แล้วจะมีอะไรบ้างล่ะ! งั้นเรามาลองดูคร่าวๆครับ
ยกตัวอย่างเช่น
- ค่าใช้จ่ายในการศึกษา
- ค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้าน/คอนโด
- ค่าใช้จ่ายในการผ่อนมอเตอร์ไซค์/รถยนต์
- ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูครอบครัว
- ค่าใช้จ่ายในกรณีเจ็บป่วย
และอาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีกมากมาย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละบุคคลด้วยครับ
ทีนี้เราก็ต้องมาวางแผนการเงินเพื่อช่วยในการควบคุมค่าใช้จ่าย และเงินออมในแต่ละเดือน โดยมี Step ตามนี้ครับ

1. เตรียมค่าใช้จ่ายทั่วไปให้พร้อม : ในทุกวันที่ 1 ของทุกเดือน ให้เราไล่ลิสรายการที่เป็นรายจ่ายทั้งหมดมาเลย ตัวอย่างเช่น ค่าอาหารเช้า-กลางวัน-เย็น ค่าน้ำมัน ค่าเดินทาง และของใช้ทั่วไป ถ้าใครมีอะไรนอกเหนือจากนี้ก็ลิสไปเลยเอาให้ครบที่สุด จากนั้นโอนรายจ่ายทั้งหมดเข้าบัญชีพร้อมจ่าย พอถึงเวลาก็จ่ายไป (เดี๋ยวนี้สแกนจ่ายง่ายมาก) เป็นอันเรียบร้อย Mission 1 Complete !!!
บางอย่างต้องประมาณๆเอา ถ้ามีบัญชีรายรับ-รายจ่าย
ก็ดูจากรายจ่ายเดือนก่อนๆแล้วมาคำนวนเอาครับ แล้วถ้าสิ้นเดือนมีเงินเหลือก็หยอดกระปุกหมูเลยครับ สำหรับใครที่ไม่เคยทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย แนะนำให้ทำเลยนะครับ สำคัญกับการวางแผนชีวิตตัวเองมากๆเลย
2. ค่าใช้จ่ายจำเป็น / หนี้ต้องหมด ! : เหมือนข้อ 1 เลย คือทุกวันที่ 1 หรือช่วงต้นเดือน ให้โอนยอดค่าบ้าน/คอนโด ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าประกัน และบัตรเครดิต ยอดหนี้ยอดผ่อนทั้งหลายทั้งปวง เข้าบัญชีพร้อมจ่าย พอถึงเวลาเรียกเก็บปุ๊บก็จ่ายปั๊บเป็นอันจบ ! หมดหนี้แล้วว้อยย !! Mission 2 Complete !!!
สำหรับใครที่ไม่มียอดบัตรเครดิตที่ต้องชำระ หรือชำระยอดหมดเรียบร้อยแล้ว อันนี้ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วย เพราะความรู้สึก ณ จุดๆนั้นก็เหมือนกับประสบความสำเร็จไปแล้วครับ
ส่วนใครที่ยังไม่หมดเราก็ต้องสู้กันต่อไปครับ แอดมินก็ด้วย
3. ได้ยอดคงเหลือแล้ว ! : เมื่อทำตามข้อที่ 1-2 แล้ว เราจะได้ยอดเงินคงเหลือในบัญชีกันแล้วครับ ตรงนี้แหละจะช่วยจำกัดการใช้จ่ายของเราได้เลย เพราะเรารู้คงเหลือของเดือนนั้นๆแล้ว ยอดที่เหลือนี้จะเป็นยอดที่สามารถใช้บลาๆๆ จะเก็บไว้สำหรับซื้อของที่อยากได้ จะเอาไว้สำหรับไปงานปาร์ตี้สังสรรค์ก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือต้องเก็บออมครับ เพราะนี่คือหัวใจหลักของบทความนี้เลย เอาล่ะเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เราไปดูข้อ 4 กันต่อเลยครับ
4. เงินออมต้องมี : เหมือนข้อ 1-2 เลย คือทุกวันที่ 1 หรือช่วงต้นเดือนของทุกๆเดือน ให้โอนเงินออมเข้าบัญชีเงินฝากครับ จำนวนก็แล้วแต่ความเหมาะสม ความสบายใจครับ เราจะออมกันในระยะยาว พยายามไม่เอาเงินออมออกมาใช้เลย (“ยกเว้น มีเหตุจำเป็นต้องใช้ ก็เบิกออกมาใช้ก่อนได้ครับ เดือนหน้าค่อยผ่อนคืนตัวเอง อย่าลืมจดเอาไว้ล่ะ ฮ่าๆๆ 😆 เพราะยังไงก็ดีกว่าไปกู้ไปยืมของคนอื่นเขามาครับ นี่ถือเป็นอีก 1 ข้อดี”) โดยให้เราคำนวนจากข้อ 3 หลังจากได้ยอดคงเหลือมาแล้วเท่านี้ อยากจะเก็บออมเท่านี้ แล้วเหลือไว้ยามใช้สำหรับฉุกเฉินเท่าไหร่ ก็ลองคำนวนดูแล้วแต่ตามความเหมาะสมของเราครับ เพราะนี่คือเงินเก็บเพื่ออนาคตของพวกเรา !!!
หรือถ้าใครอยากจะเก็บออมจากยอดคงเหลือทั้งหมดเลยก็ได้เช่นกันครับ แต่อาจจะทำให้เรารู้สึกไม่สนุกกับการออม เพราะทุกอย่างมันจะตึงไปหมด จริงๆนะ 😓
5. ให้เงินทำงาน (ลงทุน) : จากข้อ 4 เมื่อเราออมเงินได้สักก้อน ประมาณว่าเท่านี้อาจจะเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายฉุกเฉินได้ ทีนี้เรามาแยกเงินออกไว้อีกส่วนหนึ่ง เพื่อใช้สำหรับการลงทุนในแต่ละสินทรัพย์ และรับผลตอบแทนจากการลงทุน 💰 ซึ่งผลตอบแทนในแต่ละสินทรัพย์ก็จะได้มากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอยู่แล้วครับ โดยจะได้ผลตอบแทนมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของแต่ละสินทรัพย์ด้วยครับ 📈 แต่แนวทางของเราคือการออม เพราะฉะนั้นเราจะเน้นการออมระยะยาว ไม่เน้นซื้อ-ขาย ยกตัวอย่างสินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้ก็มีดังนี้ครับ
- กองทุนรวม
- หุ้น
- ทองคำ
- Cryptocurrency
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าอยากลงทุนแบบไหน อยากรับผลตอบแทนเป็นเงินปันผล หรืออยากรับผลตอบแทนเป็นส่วนต่างของราคา ก็ลองศึกษาในแต่ละสินทรัพย์ดูนะครับ เพราะการลงทุนก็เหมือนใช้เงินไปทำงานครับ 📝 “ให้เงินทำงานบ้างมันจะได้รู้สึก !!!”
ขอทิ้งท้ายด้วยประโยคที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ 👂
“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน”
ตัวอย่าง

สรุป สิ่งที่ต้องมี “หนึ่งบัญชีสำหรับการออม” “สองบัญชีสำหรับรายจ่าย (ทั่วไป / จำเป็น)” “สามบัญชีสำหรับลงทุน” และทุกวันที่ 1 ในทุกๆ เดือนจะต้อง
- โอนรายจ่ายเข้า บัญชีพร้อมจ่าย (ทั่วไป / จำเป็น)
- โอนเงินออมเข้า บัญชีเงินออม
- โอนเงินลงทุนเข้า บัญชีลงทุน
สำหรับใครที่ไม่อยากเปิดบัญชีหลายๆบัญชี แอดมินขอแนะนำ 2 แอพพลิเคชั่นเจ๋งๆของธนาคาร ที่จะช่วยให้เราจัดการทั้งรายจ่าย และเงินออม ทุกสิ่งทุกอย่างได้ในบัญชีเดียวเลย

Make by KBank คือแอพที่ให้บริการการเงินและการลงทุน โดยมีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการเงิน จ่ายเงิน และจดรายจ่ายได้ครบในแอปเดียว ผู้ใช้สามารถสร้าง Cloud Pocket เพื่อแบ่งเงินในบัญชีออกเป็นหมวดหมู่ตามจุดประสงค์ของตนเองได้ไม่จำกัด และยังได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% สำหรับ 100,000 บาทแรก

Kept by Krungsri คือแอพที่ช่วยให้คุณออมเงินผ่านแอพได้ง่ายๆ ด้วยการมี 3 บัญชี ที่ทำงานร่วมกัน คือ บัญชี Kept สำหรับใช้จ่ายประจำวัน บัญชี Grow สำหรับเก็บเงินก้อนและรับดอกเบี้ยสูงสุด 1.7% ต่อปี บัญชี Fun สำหรับเก็บเงินทีละนิดโดยใช้ฟีเจอร์แอบเก็บ และบัญชี Together สำหรับเก็บเงินด้วยกันกับเพื่อนหรือคนที่คุณอยากเก็บเงินร่วมกัน
สำหรับเพื่อนๆท่านใดที่สนใจลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีใช้งาน อย่าลืมกรอก “รหัสแนะนำ” ด้านล่างนี้ด้วยนะครับ
MAKE by KBank
Referral Code : KK9362
Kept by Krungsri
Referral Code : KK2730
เพื่อเป็นการสนับสนุนให้แอดและทีมงานได้มีกำลังใจสำหรับจัดทำบทความดีๆต่อไปเรื่อยๆครับ 😍
ทั้ง 2 แอพมีให้ใช้งานทั้งบน IOS และ Android นะครับ สำหรับรายละเอียด และวิธีการใช้งาน แอดจะมาเขียนรีวิวการใช้งานแยกให้อีกครั้งในบทความถัดไปนะครับ
จากประสบการณ์การใช้งานจริง ต้องบอกเลยว่าชอบมากครับ ถูกใจทั้ง 2 แอพเลย ชีวิตง่ายขึ้นเยอะ 👍
สามารถติดตามบทความอื่นๆ ของเราเพิ่มเติมได้ที่ Rang Tor
ถ้าเพื่อนๆ อ่านแล้วชอบบทความนี้ก็ฝากแชร์ต่อให้เพื่อนๆ และฝากติดตามบทความต่อไปของแอดด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
Credit : Rang Tor, Kritpong_Ex
Photo by : Canva, Rang Tor, Kritpong_Ex
Designed on : Canva